วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

เตือนภัยนักช็อปออนไลน์ ระวังถูกหลอกไม่รู้ตัว!




            สมัยนี้เทคโนโลยีก้าวไกลไปมาก ไม่ว่าเราจะต้องการสิ่งใด เราก็สามารถใช้ปลายนิ้วของเราคลิกเข้าไปที่หน้าจอสี่เหลี่ยมเพื่อให้ได้สิ่งของนั้นมา แต่จะมีใครเคยลองสังเกตบ้างไหมว่า ความรวดเร็ว ความสะดวกสบายเหล่านี้ อาจแฝงภัยอันตรายที่เราเองก็อาจคาดไม่ถึง
            ภัยจากโลกออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแอบถ่าย คลิปหลุด จดหมายลูกโซ่ที่มาพร้อมกับไวรัส การหลอกนำข้อมูลส่วนตัวไปทำในสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงการโจรกรรม ซึ่งการโจรกรรมนั้น บางครั้งเราเองก็ลืมนึกไปว่ามันเป็นภัยที่ใกล้ตัวเรามาก แม้จะเป็นเพียงแค่การซื้อของผ่านระบบออนไลน์เองก็ตาม


            คุณฮวง อายุ 21 ปี รู้จักการซื้อของผ่านระบบออนไลน์ด้วยการหาข้อมูลเอง 
          “ช่วงปิดเทอมพอจะมีเวลาว่าง ก็จะเล่นโทรศัพท์อยู่ตลอด แล้วบังเอิญไปเจอเพจขายอาหารของแมว เลยลองเข้าไปดูก็เห็นว่ามีอาหารแมวหลากหลายยี่ห้อ มากกว่าพวกห้างใหญ่ๆ เสียอีก จึงเกิดความสนใจ เพราะแมวที่บ้านค่อนข้างทานอาหารยาก จากนั้นก็เริ่มสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์มาตลอด หากซื้อเยอะ ทางเพจก็จะมีโปรโมชั่นลดราคาให้ด้วย" ซึ่งจุดเล็กๆ ตรงนี้เกิดเป็นความสนใจให้คุณฮวงเริ่มซื้อของผ่านระบบออนไลน์ตลอดมา
            ในสังคมโซเชียลจะมีสิ่งที่ล่อตาล่อใจผู้บริโภคมากมาย เช่น ของลดราคา โปรโมชั่นของแถม ซื้อมากลดมาก สิ่งเหล่านี้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อในที่สุด เหมือนกับกรณีของคุณฮวง ที่เคยโดนหลอกจากการซื้อของผ่านระบบออนไลน์ 
             คุณฮวงกล่าวว่า “เราหลงไปซื้อโทรศัพท์ผ่านเว็บเพจฝากขายโทรศัพท์ คาดว่าน่าจะมีผู้ที่เป็นแอดมินหลายคน เพราะว่าในเพจได้ระบุไว้ว่าห้ามโอนเงินก่อน ให้นัดเจอตัวผู้แทนจำหน่ายสินค้า แต่ก็ยังส่งข้อความส่วนตัวมาบอกว่าต้องโอนเงินไปก่อน เพื่อเป็นการสั่งจองสินค้าล่วงหน้า เราเองก็ใจร้อน ไม่อยากเสียเวลา เลยโอนเงินไป สุดท้ายก็ไม่ได้สินค้ากลับมา ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงที่เตือนใจการซื้อของผ่านระบบออนไลน์ให้กับเราไปอีกนาน”
            หากคุณเป็นนักช็อปออนไลน์ ซื้อของผ่านหน้าเว็บเพจต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง คุณจะต้องศึกษาและตรวจสอบรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน โดยคุณฮวงได้ให้ข้อมูลกับเราว่า “อย่างแรกเราต้องมีสติก่อน อย่าใจร้อนอยากได้ของเร็วๆ จากนั้นจึงตรวจสอบผ่านจำนวนยอดผู้ติดตามเว็บเพจ หรือจำนวนผู้ที่มารีวิวสินค้า อาจจะติดต่อสอบถามไปยังผู้ที่เคยซื้อสินค้าว่าได้รับของจริงหรือไม่ รวมถึงการลองสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าจากเจ้าของเว็บเพจ หากเขามีปฏิกิริยาผิดปกติ เช่น ตอบช้า ตอบไม่ตรงคำถาม ให้รายละเอียดไม่ชัดเจน ขอดูของแล้วไม่ให้ นั่นคงเป็นสัญญาณที่ดีที่สามารถบอกคุณได้ว่า คุณอาจกำลังโดนหลอกแล้วล่ะ
            อีกหนึ่งวิธีที่เป็นทางออกที่ดีให้กับปัญหาเหล่านี้ คุณฮวงเสนอว่า “การไปเลือกซื้อของที่ร้านค้าด้วยตนเองสามารถลดปัญหาดังกล่าวได้ อาจเสียเวลาเดินเลือกสักหน่อย แต่รับรองว่าเราจะได้ของที่ดี ถูกใจ ตรวจสอบรายละเอียดได้ และที่สำคัญน่าเชื่อถือ ไม่โดนหลอกอย่างแน่นอน”


            สำหรับนักช็อปออนไลน์ที่ชอบการซื้อของผ่านสังคมโซเชียล คงต้องคอยสังเกต หมั่นตรวจสอบรายละเอียด และระมัดระวังในการสั่งซื้อของแต่ละครั้ง เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าภัยนั้นจะมาถึงตัวเราเมื่อไหร่ ทางที่ดีการไปเลือกซื้อของด้วยตนเอง คงเป็นอีกหนึ่งทางออกที่ดีที่ช่วยให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของระบบออนไลน์อีกต่อไป

ขอขอบคุณ "คุณฮวง" อายุ 21 ปี ที่ได้ให้ข้อมูลไว้เป็นกรณีศึกษา
ขอบคุณแหล่งที่มารูปภาพจาก : 


วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

iPhone หาย เรียกใช้ 'Find My iPhone'



            โลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทกับการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก ถ้าเราจะอยากรู้เรื่องอะไร ในสังคมที่ชื่อว่า “โลกออนไลน์” ก็มีคำตอบให้กับตัวคุณแทบจะทุกเรื่อง เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัส แล้วคลิกเข้าไปในแอพพลิเคชั่นหรือหน้าเว็บเพจต่างๆ ก็จะทำให้เราทราบถึงรายละเอียดของข้อมูลที่เราต้องการในระยะเวลาสั้นๆ นอกจากเราจะใช้เทคโนโลยีเพื่อหาข้อมูลแล้ว เรายังสามารถใช้หาโทรศัพท์ที่หายไป ผ่านแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า “Find My iPhone” ได้อีกด้วย
            Find My iPhone เป็นแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยค้นหาอุปกรณ์ iPad iPod และ iPhone ผ่านระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple ประกอบกับสมาร์ทโฟนในสมัยนี้ได้ติดตั้งระบบ GPS Receiver ไว้ในตัวเองเกือบจะทุกเครื่อง ทำให้เราสะดวกสบายในการค้นหาเมื่อโทรศัพท์ของเราหล่นหายหรือถูกขโมยไป


            แอพฯ นี้สามารถระบุตำแหน่งโทรศัพท์ของเราได้ว่าอยู่ตรงจุดไหน โดยจะทำงานเชื่อมต่อกับแอพฯ Maps เพื่อบอกทิศทางในการค้นหา ทั้งนี้ยังสามารถส่งข้อความไปยังหน้าจอโทรศัพท์ที่เราตามหา เพื่อสั่งให้เครื่องส่งเสียงดัง แม้จะอยู่ใน Silent Mode ก็ตาม หรือจะสั่งให้เครื่องล็อคแล้วตั้งรหัสผ่าน (ในกรณีที่ไม่ได้ตั้งรหัสผ่านไว้) หากเราแน่ใจว่าอาจไม่ได้โทรศัพท์คืนแล้ว ก็สามารถป้องกันข้อมูลสำคัญโดยการสั่งลบข้อมูลเหล่านั้นทั้งหมดได้
            วิธีการติดตั้งนั้นสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ App Store จากนั้นจึงเข้าไปเปิดใช้งานที่ตัวโทรศัพท์ของเรา โดยเข้าไปที่ Settings เลือก iCloud แตะเปิดใช้งาน Find My iPhone ได้ทันที ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องมี Apple ID เพื่อใช้ในการ Log In เข้าสู่ระบบ


            วิธีการค้นหาอุปกรณ์ของเรา เมื่อ Log In เข้าสู่ระบบแล้ว จะมีสัญลักษณ์ สีเขียวปรากฏขึ้นมา แสดงว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นเปิดใช้งาน Find My iPhone ไว้ เราสามารถเลือกชื่ออุปกรณ์ได้ จากนั้นก็คลิกเข้าไป มันจะระบุตำแหน่งที่โทรศัพท์ของเราอยู่ ซึ่งเราสามารถใช้บริการผ่าน WiFi หรือ Cellular Data ได้เช่นกัน


            หากกดไปที่ปุ่ม Action จะมีตัวเลือกขึ้นมา 3 อย่าง คือ Play Sound   (ส่งเสียงเตือนจากโทรศัพท์ของเรา แม้จะตั้งอยู่ใน Silent Mode ก็ตาม) ,       Lost Mode (ตั้งค่าโหมดสูญหาย) และ Erase iPhone (ลบข้อมูลที่จัดเก็บไว้ใน iPhone)


            กรณีที่เลือก Lost Mode (ตั้งค่าโหมดสูญหาย) หน้าจอจะปรากฏให้เรา ตั้งรหัสผ่าน ในกรณีที่เราไม่ได้ตั้งรหัสล็อคหน้าจอไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่ไม่ดี ถัดมาเราจะต้องกรอกเบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้ผู้ที่เก็บโทรศัพท์ได้ติดต่อกลับมา จากนั้นระบบจะส่งข้อความไปที่โทรศัพท์ของเรา  เมื่อผู้ที่เก็บโทรศัพท์เอาไว้เห็น ก็จะสามารถโทรกลับมาหาเราได้ในทันที






            ทั้งนี้เรายังสามารถใช้งานผ่าน www.icloud.com ได้อีกด้วย โดยเลือกไปที่ Find My iPhone แล้วทำตามขั้นตอนในข้างต้นได้เช่นกัน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เราตามหาโทรศัพท์ที่หายไปกลับคืนมาได้ นี่ก็เป็นประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เราสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ


           Find My iPhone เป็นอีกแอพพลิเคชั่นหนึ่งที่มีประโยชน์ และอยากจะแนะนำให้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนของ Apple ดาวน์โหลดติดเครื่องไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินเมื่อใด เราก็สามารถหยิบออกมาใช้ได้ทันที
          การรู้จักนำข้อดีของเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ย่อมส่งผลที่ดีต่อตัวผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม หากเรารอบคอบ และรู้จักระมัดระวังดูแลรักษาโทรศัพท์ของเรา ก็คงเป็นหนึ่งวิธีที่ดีกว่า ที่จะช่วยป้องกันมิให้ทรัพย์สินอันมีค่าสูญหายไป


ขอบคุณแหล่งที่มาจาก


วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

AIS ดัน “SUPER WiFi” สัญญาณอินเทอร์เน็ตใหม่ ไวกว่า 4G!


              AIS เสิร์ฟบริการใหม่ AIS SUPER WiFi สัญญาณ WiFi ที่ให้ความเร็วได้มากกว่า 4G             พร้อมให้บริการกว่า 2,000 จุด ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นไป


            นายปรัธนา ลีลพนัง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS (เอไอเอส) เปิดเผยว่า จากแผนการขยายเครือข่ายในปี 2558 ภายใต้การลงทุน 40,000 ล้านบาทของบริษัท เพื่อพัฒนาโครงข่ายพื้นฐานรองรับไลฟ์สไตล์ดิจิตอลของคนไทย AIS ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาใน 3 ด้านหลัก ทั้งเครือข่าย 3G คุณภาพ การขยายบริการฟิกซ์ บรอดแบนด์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ และการพัฒนาเครือข่าย WiFi ให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
            ล่าสุด AIS ได้พัฒนาเทคโนโลยี AIS SUPER WiFi (เอไอเอส ซุปเปอร์ ไวไฟ) เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งาน WiFi บนความเร็วสูงสุดถึง 650 Mbps เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่รองรับ   การใช้อินเทอร์เน็ตในสถานที่ต่างๆ ทั้งในอาคารและพื้นที่ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ถือเป็นความเร็วที่แรงกว่าสัญญาณ 4G


            บริการ AIS WiFi ในปัจจุบันจะให้ความเร็วในการดาวน์โหลดที่ 100 Mbps และอัพโหลดที่ความเร็ว 10 Mbps แต่บริการ AIS SUPER WiFi นั้น สามารถให้บริการบนความเร็วดาวน์โหลดถึง 650 Mbps และอัพโหลดได้ 100 Mbps
          นายปรัธนา กล่าวต่อว่า AIS SUPER WiFi เริ่มติดตั้งและเปิดให้บริการกว่า 2,000 จุดแล้ว อาทิ ร้านแมคโดนัลด์ ทุกสาขาทั่วประเทศ , ตลาดนัดสวนจตุจักร , ห้างมาบุญครองเซ็นเตอร์ ,       สยามพารากอน , ดิเอ็มควอเทียร์ , สยามสแควร์ วัน , เซ็นทรัล ลาดพร้าว , สีลม คอมเพล็กซ์ พลาซ่า , เมเจอร์ รังสิต , เมเจอร์ รัชโยธิน , มหาวิทยาลัยรังสิต , คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ศรีวารี , คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ , โรบินสัน เมกา บางนา และลาวิลล่า อารีย์ เป็นต้น โดยลูกค้า AIS สามารถใช้บริการ SUPER  WiFi ได้ในสถานที่ที่มีสัญลักษณ์ "AIS SUPER WiFi"
            ปัจจุบัน AIS มีจุดให้บริการ WiFi ประมาณ 30,000 จุด และเป็นจุดให้บริการร่วมกับ 3BB    อีกราว 70,000 จุด รวมเป็น 100,000 จุด บริษัทตั้งเป้าขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติม คาดว่าในปีนี้จะมีพื้นที่ให้บริการ WiFi ถึง 50,000 จุด และ 3BB อีก 80,000 จุด รวมเป็น 130,000 จุด โดยพื้นที่ที่สามารถแชร์สัญญาณ AIS SUPER WiFi จะมีประมาณ 18,000 จุด
            ลูกค้าปัจจุบันกว่า 1.5 ล้านราย ทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน จะได้รับการอัพเกรดให้สามารถใช้งาน WiFi ดังกล่าวได้อัตโนมัติ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 เป็นต้นไป (หลังได้รับ SMS ยืนยัน       การใช้งาน) และสำหรับลูกค้าใหม่ที่จะเปิดใช้แพ็กเกจหลักราคาตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป จะได้ใช้งาน SUPER WiFi อย่างไม่จำกัดเช่นกัน

          นอกจากนี้ AIS ยังมอบโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน (ทั้งที่มีและไม่มีแพ็กเกจไวไฟ) สามารถทดลองใช้ SUPER WiFi ได้ฟรี เพียงกด *199*30# โทรออก ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน 2558 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ais.co.th/wwsuperwifi
          ส่วนโครงการประมูล 4G นั้นอยู่ในระหว่างช่วงรอการประมูล โดยทางองค์กรได้สรรหานวัตกรรมเทคโนโลยีทางเครือข่ายรูปแบบใหม่ๆ เข้ามาเติมเต็มเครือข่ายที่มีอยู่ ให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากมีการเปิดประมูลใบอนุญาต 4G  AIS ยืนยันว่า ทางองค์กรมีศักยภาพ     ความพร้อม และความตั้งใจที่จะเข้าร่วมการประมูลดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาโครงสร้างด้านระบบสื่อสารให้แก่ประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป



ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : http://www.thairath.co.th/content/490234 (เว็ขไซต์ไทยรัฐออนไลน์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 58)