วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

"ไลน์" สอนใจ




                เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ปี 2556
              ท่ามกลางบรรยากาศวันคริสต์มาสอีฟอันหนาวเหน็บ หลังจากเสียงบอกลาของอาจารย์จบลง เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างหันมาคุยกัน เรื่องของการฉลองที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในเย็นนี้ ทุกคนลงความเห็นว่าเราจะไปทานอาหารมื้อเล็กๆ ด้วยกัน ณ ห้างดังแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว แล้วพูดคุยถึงชีวิตวัยเรียนที่ผ่านมา บ่นบ้าง เครียดบ้าง เหนื่อยบ้าง แต่อีกแค่ปีเดียว พวกเราก็จะทำตามความฝันได้สำเร็จ
              หลังจากทานอาหารเสร็จ พวกเราต่างก็เดินเลือกซื้อของตามปกติของกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิง หยิบเสื้อร้านโน้นร้านนี้มาดู แต่ก็ไม่มีใครซื้ออะไร เมื่อถึงเวลากลับบ้าน พวกเราก็แยกย้ายกันกลับตามทางของตนเอง หญิงสาวตัวเล็กร่างบางคนหนึ่ง กำลังเดินไปรอรถที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามห้าง พร้อมกับเดินแชท “ไลน์” มาตลอดทาง หญิงสาวคนนี้ต่างเพลิดเพลินกับการค้นหาสติ๊กเกอร์ฟรีที่มีไม่รู้กี่ร้อยอัน เพื่อส่งอวดเพื่อนในกลุ่ม บางครั้งพิมพ์ข้อความส่งไปไม่ถนัด ก็อัดเสียงพูดส่งเข้าไปในกรุ๊ปแทน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเจ้าไลน์นี่มันช่างอำนวยความสะดวกให้แก่พวกเราจริงๆ
               ขณะที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับไลน์นั้น เธอก็ไม่รู้เลยว่ากำลังมีสายตา 2 คู่จากมอเตอร์ไซค์ในมุมมืดคันหนึ่ง เฝ้ามองดูพฤติกรรมของเธออยู่ห่างๆ หญิงสาวคนนั้นไม่ทันสังเกต ก็ยืนเล่นไลน์ไปตามปกติ พร้อมกับขยับตัวขึ้นมาอยู่ริมฟุตบาทเพื่อจะได้มองรถเมล์ได้อย่างสะดวก ทำให้สถานการณ์ตอนนั้นดูเป็นใจให้กับคนร้ายเสียเหลือเกิน และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น! มอเตอร์ไซค์คันดังกล่าว ขับสวนเลนถนนขึ้นมาด้วยความเร็ว พร้อมกับ “กระชาก” มือถือของเธอ แต่คนร้ายยังไม่ทันคว้าไปเต็มมือ หญิงสาวคนนั้นก็ดึงมือถือกลับมาด้วยสติที่รวบรวมได้อย่างรวดเร็ว เธอตกใจ และทำอะไรไม่ถูก บริเวณป้ายรถเมล์แห่งนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยว ผู้คนที่ออกจากห้างมารอรถก็ค่อนข้างเยอะ เธอเลยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น
           หลังจากเกิดเหตุ เธอก็วิ่งขึ้นสะพานลอยอย่างรวดเร็ว เพื่อจะกลับบ้านทางรถไฟฟ้าใต้ดิน เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เธอปลอดภัย อย่างน้อยในสถานี ก็มี รปภ. ที่น่าจะให้ความช่วยเหลือกับเธอได้บ้าง ระหว่างทางเธอคอยมองข้างหลังด้วยความหวาดระแวง กลัวคนร้ายจะย้อนกลับมาพร้อมกับอาวุธอีก เมื่อถึงสถานี เธอก็พบว่ามือทั้งสองข้างนั้นมีบาดแผลจากเล็บของคนร้าย ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกระชากมือถือกลับมา เสื้อนิสิตและเสื้อหนาวสีขาวต่างก็เปื้อนรอยเลือดจากมือของเธอเป็นจุดเล็กๆ เธอจึงรวบรวมสติที่มี โทรบอกเพื่อนคนหนึ่ง แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด เมื่อเพื่อนทั้งกลุ่มรู้ จึงส่งข้อความมาให้กำลังใจเธออย่างต่อเนื่อง
            จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้หญิงสาวลดการแชทผ่านไลน์ และระวังการใช้มือถือขณะเดินทางมากขึ้น เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่า มันจะกลับมาเกิดขึ้นกับเธออีกเมื่อไหร่ หากในครั้งหน้าคนร้ายพกอาวุธมาด้วย เธอคงไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้เป็นแน่ บทเรียนอันยิ่งใหญ่ได้สอนให้เธอรับรู้ว่า เทคโนโลยีก็เป็นสิ่งที่ดี มันให้ความสะดวกสบาย ฟังก์ชั่นเยอะ สื่อสารได้รวดเร็วทันใจก็จริง แต่มันก็เป็นเหมือนดาบสองคม หากเราไม่รู้จักใช้มันให้ถูกที่ถูกเวลา เทคโนโลยีก็จะนำมาซึ่งอุบัติเหตุในรูปแบบต่างๆ อย่างที่เราไม่คาดคิด
          
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : http://webboard.yenta4.com/topic/567959

            

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ผ่อนคลาย หลับสบายไปกับ "Relax Melodies" แอพฯ ดีๆ ที่อยากบอกต่อ



            ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วง “มหาโหด” ของชีวิตนิสิต นักศึกษาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรา ที่ต้องรีบเคลียร์งาน และเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ หลายครั้งเราจะเกิดอาการเครียด วิตกจริต กังวลกับเรื่องงาน รวมไปถึงเรื่องสอบ จนเก็บมาคิดในช่วงก่อนนอน ทำให้เรานอนไม่หลับ ตอนแรกเราก็ใช้วิธีเล่นมือถือ อ่านโน้นอ่านนี้ในโลกโซเชียลไปเรื่อยๆ เมื่อเราได้ไปอ่านบทความๆ หนึ่ง เขาเขียนถึงเรื่องแอพพลิเคชั่นเสียงของธรรมชาติ ซึ่งเขาวิจัยออกมาแล้วว่ามันจะให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เรานอนหลับได้ง่ายและสบายขึ้น


            แอพพลิเคชั่นนี้คือ “Relax Melodies : Sleep zen sound white noise for meditation, yoga and baby relaxation” อย่าเพิ่งตกใจกับความยาวของชื่อแอพฯ เราสามารถพิมพ์สั้นๆ ว่า “Relax Melodies” ก็ได้เช่นกัน หน้าตาของแอพพลิเคชั่นนี้จะเป็นสีน้ำเงิน มีพระจันทร์ขึ้นอยู่ตรงกลาง เมื่อเปิดเข้าไปแล้วเราจะพบกับเสียงของธรรมชาติกว่า 50 เสียงด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น River (เสียงแม่น้ำ), Rain (เสียงฝนตก), Ocean (เสียงน้ำของทะเลที่เคลื่อนไหว) และ Humming (เสียงฮัมเพลงกล่อมเด็ก) เป็นต้น


            ก่อนจะดาวน์โหลดมา เราก็เข้าไปอ่านรีวิวในตัวแอพฯ ว่าเสียงส่วนใหญ่เขาพูดถึงแอพฯ นี้ไปในทิศทางไหน เรากลัวว่าถ้าโหลดมาแล้วแอพฯ มันจะเด้งออก (เข้าไปแล้วแอพฯ ออกเองโดยอัตโนมัติ) ใช้งานยาก เสียงมีให้เลือกฟังน้อย ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ก็ให้ความคิดเห็นไปในเชิงบวก บางรายถึงกับบอกว่า “นอนหลับภายใน 10 นาทีเลยครับ” เราก็เลยตัดสินใจลองดาวน์โหลดมาใช้ดู



           ขณะกำลังดาวน์โหลด เราก็แอบคิดว่ามันจะช่วยได้จริงหรือ ถ้าเปิดเพลงฟังก่อนนอน แล้วหัวยังคิด ก็นอนไม่หลับอยู่ดี แต่พอได้ลองใช้แล้วความรู้สึกมันเปลี่ยนไป แอพฯ นี้เหมือนพาเราเข้าไปสู่โลกของธรรมชาติ ทำให้เรารู้สึกสงบ ใจเย็น และผ่อนคลายเป็นอย่างมาก นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้เราหลับได้เร็วขึ้นจริงๆ โดยเสียงที่เราชอบเปิดเป็นประจำก็คือ “Ocean (เสียงน้ำทะเลที่เคลื่อนไหว)”
            นอกจากนี้เรายังสามารถสร้างเสียงขึ้นมาเองได้ โดยใช้วิธีการกดเลือก นำเสียงหนึ่งไปผสมกับอีกเสียงหนึ่ง เช่น นำ Rain (เสียงฝนตก) มาผสมกับเสียง Winds (เสียงลม), Birds (เสียงนกร้อง) และ Frogs (เสียงกบร้อง) ก็จะทำให้เราได้อีกความรู้สึกหนึ่ง ที่ไม่ได้มีเพียงแค่เสียงฝนตกอย่างเดียว เรียกได้ว่าจำลองธรรมชาติมาไว้ข้างหูเราจริงๆ 


            หากเราไม่อยากสร้างเสียงเอง ทางแอพฯ เขาก็มีผสมมาให้แบบสำเร็จรูป เราสามารถกดเลือกได้ว่าเราอยากจะได้ความรู้สึกแบบได้ เช่น Green Reflexion (ให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ในสวนสาธารณะ), Forsaken Lake (ให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่กลางทะเลสาบ) และ Parisian Coffee (ให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นชาวปารีสกำลังนั่งจิบกาแฟแล้วมองดูทัศนียภาพรอบๆ อยู่) เป็นต้น โดย Green Reflexion (ให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ในสวนสาธารณะ) ก็เป็นอีกหนึ่งเสียงที่เราชอบฟังเหมือนกัน


            ส่วนตัวแล้วคิดว่าจุดต่างของแอพฯ นี้คือ มีทำนองให้เลือกฟังได้หลากหลาย เราเคยลองดาวน์โหลดแอพฯ อื่นในประเภทเดียวกันมาใช้ ไม่ค่อยมีเสียงให้เลือกหลากหลายมากนัก ส่วนใหญ่มีประมาณ 10-15 เสียงเท่านั้น นอกจากนี้แอพฯ Relax Melodies ยังสามารถเลือกเสียงผสม หรือสร้างเสียงขึ้นมาใหม่ตามสไตล์ของตัวเอง เราเลยลงความเห็นว่าแอพฯ นี้แหละ ที่จะช่วยให้เรานอนหลับได้ง่ายและสบายขึ้น
            บางคนอาจถามว่าถ้าเปิดฟังทั้งคืนแบตฯ ไม่หมดหรือ? ทางแอพฯ Relax Melodies จะมีการตั้งค่าในส่วนของเวลา เราสามารถกำหนดได้ว่าจะให้เสียงๆ นั้นเล่นเป็นเวลาเท่าไหร่ เช่น เราเป็นคนหลับยาก แรกๆ เราก็อาจจะกำหนดประมาณ 45 นาทีก่อน พอฟังไปเรื่อยๆ จนชินก็จะค่อยๆ ลดเวลาลง เหลือ 30 นาที 20 นาที ตามลำดับ พอถึงเวลาที่เรากำหนด มันก็จะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ เพียงเท่านี้ก็ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องแบตฯ ลดได้แล้ว



            ความสามารถของแอพฯ Relax Melodies ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เรายังใช้แอพฯ เป็นนาฬิกาปลุกได้อีกด้วย โดยเข้าไปที่ Alarm แล้วตั้งเวลาพร้อมกับเลือกเสียงปลุกตามที่ต้องการ ซึ่งเสียงปลุกของแอพฯ นี้จะแตกต่างจากแอพฯ นาฬิกาดั้งเดิมของตัวเครื่อง เสียงของมันจะให้ความรู้สึกที่เบา สบาย เป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ที่นอนอยู่ไม่ต้องตื่นขึ้นมาแบบสะดุ้งหรือตกใจ



            หากใครเป็นผู้ที่ชื่นชอบในเทคโนโลยี ต้องการที่จะลองสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่เป็นคนที่นอนหลับยาก เราขอแนะนำแอพพลิเคชั่น Relax Melodies นับได้ว่าเป็นแอพฯ ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก วัยผู้ใหญ่ ก็สามารถดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนของตนได้ มีประโยชน์ สะดวกสบาย แถมยังทำให้เราพักผ่อนได้อย่างที่เราต้องการอีก ของดีแบบนี้ไม่บอกต่อได้อย่างไร เข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ App Store สำหรับระบบ iOS และ Play Store สำหรับระบบ Android



วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

เตือนภัยนักช็อปออนไลน์ ระวังถูกหลอกไม่รู้ตัว!




            สมัยนี้เทคโนโลยีก้าวไกลไปมาก ไม่ว่าเราจะต้องการสิ่งใด เราก็สามารถใช้ปลายนิ้วของเราคลิกเข้าไปที่หน้าจอสี่เหลี่ยมเพื่อให้ได้สิ่งของนั้นมา แต่จะมีใครเคยลองสังเกตบ้างไหมว่า ความรวดเร็ว ความสะดวกสบายเหล่านี้ อาจแฝงภัยอันตรายที่เราเองก็อาจคาดไม่ถึง
            ภัยจากโลกออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแอบถ่าย คลิปหลุด จดหมายลูกโซ่ที่มาพร้อมกับไวรัส การหลอกนำข้อมูลส่วนตัวไปทำในสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงการโจรกรรม ซึ่งการโจรกรรมนั้น บางครั้งเราเองก็ลืมนึกไปว่ามันเป็นภัยที่ใกล้ตัวเรามาก แม้จะเป็นเพียงแค่การซื้อของผ่านระบบออนไลน์เองก็ตาม


            คุณฮวง อายุ 21 ปี รู้จักการซื้อของผ่านระบบออนไลน์ด้วยการหาข้อมูลเอง 
          “ช่วงปิดเทอมพอจะมีเวลาว่าง ก็จะเล่นโทรศัพท์อยู่ตลอด แล้วบังเอิญไปเจอเพจขายอาหารของแมว เลยลองเข้าไปดูก็เห็นว่ามีอาหารแมวหลากหลายยี่ห้อ มากกว่าพวกห้างใหญ่ๆ เสียอีก จึงเกิดความสนใจ เพราะแมวที่บ้านค่อนข้างทานอาหารยาก จากนั้นก็เริ่มสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์มาตลอด หากซื้อเยอะ ทางเพจก็จะมีโปรโมชั่นลดราคาให้ด้วย" ซึ่งจุดเล็กๆ ตรงนี้เกิดเป็นความสนใจให้คุณฮวงเริ่มซื้อของผ่านระบบออนไลน์ตลอดมา
            ในสังคมโซเชียลจะมีสิ่งที่ล่อตาล่อใจผู้บริโภคมากมาย เช่น ของลดราคา โปรโมชั่นของแถม ซื้อมากลดมาก สิ่งเหล่านี้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อในที่สุด เหมือนกับกรณีของคุณฮวง ที่เคยโดนหลอกจากการซื้อของผ่านระบบออนไลน์ 
             คุณฮวงกล่าวว่า “เราหลงไปซื้อโทรศัพท์ผ่านเว็บเพจฝากขายโทรศัพท์ คาดว่าน่าจะมีผู้ที่เป็นแอดมินหลายคน เพราะว่าในเพจได้ระบุไว้ว่าห้ามโอนเงินก่อน ให้นัดเจอตัวผู้แทนจำหน่ายสินค้า แต่ก็ยังส่งข้อความส่วนตัวมาบอกว่าต้องโอนเงินไปก่อน เพื่อเป็นการสั่งจองสินค้าล่วงหน้า เราเองก็ใจร้อน ไม่อยากเสียเวลา เลยโอนเงินไป สุดท้ายก็ไม่ได้สินค้ากลับมา ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงที่เตือนใจการซื้อของผ่านระบบออนไลน์ให้กับเราไปอีกนาน”
            หากคุณเป็นนักช็อปออนไลน์ ซื้อของผ่านหน้าเว็บเพจต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง คุณจะต้องศึกษาและตรวจสอบรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน โดยคุณฮวงได้ให้ข้อมูลกับเราว่า “อย่างแรกเราต้องมีสติก่อน อย่าใจร้อนอยากได้ของเร็วๆ จากนั้นจึงตรวจสอบผ่านจำนวนยอดผู้ติดตามเว็บเพจ หรือจำนวนผู้ที่มารีวิวสินค้า อาจจะติดต่อสอบถามไปยังผู้ที่เคยซื้อสินค้าว่าได้รับของจริงหรือไม่ รวมถึงการลองสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าจากเจ้าของเว็บเพจ หากเขามีปฏิกิริยาผิดปกติ เช่น ตอบช้า ตอบไม่ตรงคำถาม ให้รายละเอียดไม่ชัดเจน ขอดูของแล้วไม่ให้ นั่นคงเป็นสัญญาณที่ดีที่สามารถบอกคุณได้ว่า คุณอาจกำลังโดนหลอกแล้วล่ะ
            อีกหนึ่งวิธีที่เป็นทางออกที่ดีให้กับปัญหาเหล่านี้ คุณฮวงเสนอว่า “การไปเลือกซื้อของที่ร้านค้าด้วยตนเองสามารถลดปัญหาดังกล่าวได้ อาจเสียเวลาเดินเลือกสักหน่อย แต่รับรองว่าเราจะได้ของที่ดี ถูกใจ ตรวจสอบรายละเอียดได้ และที่สำคัญน่าเชื่อถือ ไม่โดนหลอกอย่างแน่นอน”


            สำหรับนักช็อปออนไลน์ที่ชอบการซื้อของผ่านสังคมโซเชียล คงต้องคอยสังเกต หมั่นตรวจสอบรายละเอียด และระมัดระวังในการสั่งซื้อของแต่ละครั้ง เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าภัยนั้นจะมาถึงตัวเราเมื่อไหร่ ทางที่ดีการไปเลือกซื้อของด้วยตนเอง คงเป็นอีกหนึ่งทางออกที่ดีที่ช่วยให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของระบบออนไลน์อีกต่อไป

ขอขอบคุณ "คุณฮวง" อายุ 21 ปี ที่ได้ให้ข้อมูลไว้เป็นกรณีศึกษา
ขอบคุณแหล่งที่มารูปภาพจาก : 


วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

iPhone หาย เรียกใช้ 'Find My iPhone'



            โลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทกับการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก ถ้าเราจะอยากรู้เรื่องอะไร ในสังคมที่ชื่อว่า “โลกออนไลน์” ก็มีคำตอบให้กับตัวคุณแทบจะทุกเรื่อง เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัส แล้วคลิกเข้าไปในแอพพลิเคชั่นหรือหน้าเว็บเพจต่างๆ ก็จะทำให้เราทราบถึงรายละเอียดของข้อมูลที่เราต้องการในระยะเวลาสั้นๆ นอกจากเราจะใช้เทคโนโลยีเพื่อหาข้อมูลแล้ว เรายังสามารถใช้หาโทรศัพท์ที่หายไป ผ่านแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า “Find My iPhone” ได้อีกด้วย
            Find My iPhone เป็นแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยค้นหาอุปกรณ์ iPad iPod และ iPhone ผ่านระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple ประกอบกับสมาร์ทโฟนในสมัยนี้ได้ติดตั้งระบบ GPS Receiver ไว้ในตัวเองเกือบจะทุกเครื่อง ทำให้เราสะดวกสบายในการค้นหาเมื่อโทรศัพท์ของเราหล่นหายหรือถูกขโมยไป


            แอพฯ นี้สามารถระบุตำแหน่งโทรศัพท์ของเราได้ว่าอยู่ตรงจุดไหน โดยจะทำงานเชื่อมต่อกับแอพฯ Maps เพื่อบอกทิศทางในการค้นหา ทั้งนี้ยังสามารถส่งข้อความไปยังหน้าจอโทรศัพท์ที่เราตามหา เพื่อสั่งให้เครื่องส่งเสียงดัง แม้จะอยู่ใน Silent Mode ก็ตาม หรือจะสั่งให้เครื่องล็อคแล้วตั้งรหัสผ่าน (ในกรณีที่ไม่ได้ตั้งรหัสผ่านไว้) หากเราแน่ใจว่าอาจไม่ได้โทรศัพท์คืนแล้ว ก็สามารถป้องกันข้อมูลสำคัญโดยการสั่งลบข้อมูลเหล่านั้นทั้งหมดได้
            วิธีการติดตั้งนั้นสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ App Store จากนั้นจึงเข้าไปเปิดใช้งานที่ตัวโทรศัพท์ของเรา โดยเข้าไปที่ Settings เลือก iCloud แตะเปิดใช้งาน Find My iPhone ได้ทันที ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องมี Apple ID เพื่อใช้ในการ Log In เข้าสู่ระบบ


            วิธีการค้นหาอุปกรณ์ของเรา เมื่อ Log In เข้าสู่ระบบแล้ว จะมีสัญลักษณ์ สีเขียวปรากฏขึ้นมา แสดงว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นเปิดใช้งาน Find My iPhone ไว้ เราสามารถเลือกชื่ออุปกรณ์ได้ จากนั้นก็คลิกเข้าไป มันจะระบุตำแหน่งที่โทรศัพท์ของเราอยู่ ซึ่งเราสามารถใช้บริการผ่าน WiFi หรือ Cellular Data ได้เช่นกัน


            หากกดไปที่ปุ่ม Action จะมีตัวเลือกขึ้นมา 3 อย่าง คือ Play Sound   (ส่งเสียงเตือนจากโทรศัพท์ของเรา แม้จะตั้งอยู่ใน Silent Mode ก็ตาม) ,       Lost Mode (ตั้งค่าโหมดสูญหาย) และ Erase iPhone (ลบข้อมูลที่จัดเก็บไว้ใน iPhone)


            กรณีที่เลือก Lost Mode (ตั้งค่าโหมดสูญหาย) หน้าจอจะปรากฏให้เรา ตั้งรหัสผ่าน ในกรณีที่เราไม่ได้ตั้งรหัสล็อคหน้าจอไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่ไม่ดี ถัดมาเราจะต้องกรอกเบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้ผู้ที่เก็บโทรศัพท์ได้ติดต่อกลับมา จากนั้นระบบจะส่งข้อความไปที่โทรศัพท์ของเรา  เมื่อผู้ที่เก็บโทรศัพท์เอาไว้เห็น ก็จะสามารถโทรกลับมาหาเราได้ในทันที






            ทั้งนี้เรายังสามารถใช้งานผ่าน www.icloud.com ได้อีกด้วย โดยเลือกไปที่ Find My iPhone แล้วทำตามขั้นตอนในข้างต้นได้เช่นกัน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เราตามหาโทรศัพท์ที่หายไปกลับคืนมาได้ นี่ก็เป็นประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เราสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ


           Find My iPhone เป็นอีกแอพพลิเคชั่นหนึ่งที่มีประโยชน์ และอยากจะแนะนำให้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนของ Apple ดาวน์โหลดติดเครื่องไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินเมื่อใด เราก็สามารถหยิบออกมาใช้ได้ทันที
          การรู้จักนำข้อดีของเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ย่อมส่งผลที่ดีต่อตัวผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม หากเรารอบคอบ และรู้จักระมัดระวังดูแลรักษาโทรศัพท์ของเรา ก็คงเป็นหนึ่งวิธีที่ดีกว่า ที่จะช่วยป้องกันมิให้ทรัพย์สินอันมีค่าสูญหายไป


ขอบคุณแหล่งที่มาจาก


วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

AIS ดัน “SUPER WiFi” สัญญาณอินเทอร์เน็ตใหม่ ไวกว่า 4G!


              AIS เสิร์ฟบริการใหม่ AIS SUPER WiFi สัญญาณ WiFi ที่ให้ความเร็วได้มากกว่า 4G             พร้อมให้บริการกว่า 2,000 จุด ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นไป


            นายปรัธนา ลีลพนัง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS (เอไอเอส) เปิดเผยว่า จากแผนการขยายเครือข่ายในปี 2558 ภายใต้การลงทุน 40,000 ล้านบาทของบริษัท เพื่อพัฒนาโครงข่ายพื้นฐานรองรับไลฟ์สไตล์ดิจิตอลของคนไทย AIS ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาใน 3 ด้านหลัก ทั้งเครือข่าย 3G คุณภาพ การขยายบริการฟิกซ์ บรอดแบนด์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ และการพัฒนาเครือข่าย WiFi ให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
            ล่าสุด AIS ได้พัฒนาเทคโนโลยี AIS SUPER WiFi (เอไอเอส ซุปเปอร์ ไวไฟ) เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งาน WiFi บนความเร็วสูงสุดถึง 650 Mbps เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่รองรับ   การใช้อินเทอร์เน็ตในสถานที่ต่างๆ ทั้งในอาคารและพื้นที่ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ถือเป็นความเร็วที่แรงกว่าสัญญาณ 4G


            บริการ AIS WiFi ในปัจจุบันจะให้ความเร็วในการดาวน์โหลดที่ 100 Mbps และอัพโหลดที่ความเร็ว 10 Mbps แต่บริการ AIS SUPER WiFi นั้น สามารถให้บริการบนความเร็วดาวน์โหลดถึง 650 Mbps และอัพโหลดได้ 100 Mbps
          นายปรัธนา กล่าวต่อว่า AIS SUPER WiFi เริ่มติดตั้งและเปิดให้บริการกว่า 2,000 จุดแล้ว อาทิ ร้านแมคโดนัลด์ ทุกสาขาทั่วประเทศ , ตลาดนัดสวนจตุจักร , ห้างมาบุญครองเซ็นเตอร์ ,       สยามพารากอน , ดิเอ็มควอเทียร์ , สยามสแควร์ วัน , เซ็นทรัล ลาดพร้าว , สีลม คอมเพล็กซ์ พลาซ่า , เมเจอร์ รังสิต , เมเจอร์ รัชโยธิน , มหาวิทยาลัยรังสิต , คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ศรีวารี , คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ , โรบินสัน เมกา บางนา และลาวิลล่า อารีย์ เป็นต้น โดยลูกค้า AIS สามารถใช้บริการ SUPER  WiFi ได้ในสถานที่ที่มีสัญลักษณ์ "AIS SUPER WiFi"
            ปัจจุบัน AIS มีจุดให้บริการ WiFi ประมาณ 30,000 จุด และเป็นจุดให้บริการร่วมกับ 3BB    อีกราว 70,000 จุด รวมเป็น 100,000 จุด บริษัทตั้งเป้าขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติม คาดว่าในปีนี้จะมีพื้นที่ให้บริการ WiFi ถึง 50,000 จุด และ 3BB อีก 80,000 จุด รวมเป็น 130,000 จุด โดยพื้นที่ที่สามารถแชร์สัญญาณ AIS SUPER WiFi จะมีประมาณ 18,000 จุด
            ลูกค้าปัจจุบันกว่า 1.5 ล้านราย ทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน จะได้รับการอัพเกรดให้สามารถใช้งาน WiFi ดังกล่าวได้อัตโนมัติ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 เป็นต้นไป (หลังได้รับ SMS ยืนยัน       การใช้งาน) และสำหรับลูกค้าใหม่ที่จะเปิดใช้แพ็กเกจหลักราคาตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป จะได้ใช้งาน SUPER WiFi อย่างไม่จำกัดเช่นกัน

          นอกจากนี้ AIS ยังมอบโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน (ทั้งที่มีและไม่มีแพ็กเกจไวไฟ) สามารถทดลองใช้ SUPER WiFi ได้ฟรี เพียงกด *199*30# โทรออก ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน 2558 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ais.co.th/wwsuperwifi
          ส่วนโครงการประมูล 4G นั้นอยู่ในระหว่างช่วงรอการประมูล โดยทางองค์กรได้สรรหานวัตกรรมเทคโนโลยีทางเครือข่ายรูปแบบใหม่ๆ เข้ามาเติมเต็มเครือข่ายที่มีอยู่ ให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากมีการเปิดประมูลใบอนุญาต 4G  AIS ยืนยันว่า ทางองค์กรมีศักยภาพ     ความพร้อม และความตั้งใจที่จะเข้าร่วมการประมูลดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาโครงสร้างด้านระบบสื่อสารให้แก่ประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป



ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : http://www.thairath.co.th/content/490234 (เว็ขไซต์ไทยรัฐออนไลน์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 58)

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

ชาวเน็ตเปลี่ยนความรู้สึกทั้งชีวิต! หลังได้ลองใช้แอพฯ "Be My Eyes"

          
          สังคมโซเชียลร่วมแชร์ประสบการณ์ หลังทดลองใช้ "Be My Eyes" แอพฯ ช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา ดันติด 1 ใน App Store ของประเทศไทย


               ในโลกออนไลน์กำลังร่วมแบ่งปันประสบการณ์ หลังจากได้ใช้ “Be My Eyes” แอพพลิเคชั่นช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา ซึ่งสมาชิกจากเว็บไซต์พันทิปรายหนึ่งได้เล่าเรื่องราวผ่านกระทู้ “แชร์ประสบการณ์ สุดยอดโปรแกรมมือถือที่มีประโยชน์มากที่สุด” โดยระบุว่า หลังจากที่ได้ดาวน์โหลดแอพฯ ดังกล่าว และทดลองใช้งานมาประมาณ 2-3 วัน ก็มีผู้พิการทางสายตาโทรศัพท์เข้ามาขอความช่วยเหลือ ให้เขาช่วยดูหน่อยว่าอาหารกระป๋องที่หยิบขึ้นมานั้นคืออะไร
       เจ้าของกระทู้รายนี้เผยว่า แม้จะเป็นการพูดคุยสั้นๆ เพียงแค่ 30 วินาที แต่มันกลายเป็นประสบการณ์ที่ได้เปลี่ยนความรู้สึกไปทั้งชีวิต เพราะเขาสามารถทำให้คนที่มองไม่เห็น ทราบว่าสิ่งที่ถืออยู่ในมือนั้นคืออะไร
               นอกจากนี้ยังมีสมาชิกอีกหลายท่าน ได้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น โดยระบุว่า เฟซบุ๊กก็มีกลุ่มคนที่รวมตัวเพื่อให้ความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน เช่น กลุ่ม ช่วยอ่านหน่อยนะที่ช่วยเหลือผู้พิการทางสายตาให้สามารถอ่านข้อความที่อยู่บนรูปภาพได้ วิธีการก็คือ เมื่อใครก็ตามนำภาพต่างๆ มาแปะไว้ในหน้าเพจ ผู้ที่สายตาปกติก็จะเข้ามาช่วยพิมพ์เนื้อหาออกมาเป็นข้อความ เพื่อให้ผู้พิการทางสายตาสามารถเปิดใช้ตัวเครื่องสะกดอ่านออกเสียงบนคอมพิวเตอร์ หรือเปิดใช้ฟังก์ชั่นโหมดผู้พิการจากสมาร์ทโฟน เพื่ออ่านส่วนที่เป็นข้อความได้



           ล่าสุดแอพฯ นี้ มีผู้เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครถึง 181,000 คน เพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางสายตาที่มีจำนวน 17,200,000 คน และสามารถช่วยเหลือไปได้ทั้งหมด 63,000 ครั้ง


           หากใครสนใจอยากเป็นอาสาสมัคร เพื่อช่วยผู้พิการทางสายตา สามารถเข้าไปร่วมกลุ่มได้ที่ “ช่วยอ่านหน่อยนะ” หรือเข้าไปดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Be My Eyes ได้ที่ App Store (เฉพาะในระบบ iOS) ซึ่งแอพฯ ดังกล่าวติดอันดับ 1 ของ App Store ประเทศไทย ในหมวดไลฟ์สไตล์ไปเรียบร้อยแล้ว
             

ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก http://www.thairath.co.th/content/489732 (ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 28 มี.ค. 58


วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558

เทรนด์ใหม่สุดเก๋ “ภาพโปร่งแสง” กับชาวฮิปสเตอร์

     



    ช่วงเวลานี้กระแสในโลกออนไลน์ต่างกำลังจับตามองและให้ความสนใจกับแอพพลิเคชั่น PicsArt Photo Studio และ VSCO Cam เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในระบบของ iOS หรือ Android เองก็ตาม เพราะทั้ง 2 แอพฯ นี้ต่างช่วยเพิ่มทักษะให้กับรูปภาพของคุณได้สัมผัสกับโลกของชาวอิปสเตอร์กันอย่างลงตัว โดยจุดเด่นของแอพฯ PicsArt นี้สามารถใส่เอฟเฟกต์ ปรับแสง และลดความคมชัดได้ ส่วนแอพฯ VSCO Cam นั้นก็จะสามารถปรับฟิลเตอร์ให้รูปภาพดูฟุ้งๆ โทนสีอุ่นๆ คล้ายกับถ่ายมาจากกล้องฟิล์ม แต่ที่กำลังฮิตกันอยู่ในตอนนี้คือการแต่งภาพแบบ โปร่งแสง ซึ่งบรรดาชาวฮิปสเตอร์ต่างกำลังให้ความสนใจ และนำเอาไอเดียสร้างสรรค์ต่างๆ แชร์ลงโซเชียลมีเดีย ยิ่งภาพของใครโดดเด่น อาร์ต มีสไตล์ ยิ่งช่วยเพิ่มยอดไลค์ได้เป็นอย่างดี หากใครยังไม่มีเป็นเจ้าของ สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ App Store สำหรับระบบ iOS และ Play Store สำหรับระบบ Android



ตัวอย่างภาพที่แต่งจากแอพฯ PicsArt Photo Studio






ขอบคุณแหล่งที่มาจาก http://www.thairath.co.th/content/487894 (ไทยรัฐออนไลน์) วันที่ 19 มี.ค. 58